ไมเคิ่ล โอเว่น นักเตะที่แฟนบอลลิเวอร์พูลไม่ชอบหน้าเป็นอย่างยิ่ง
ไมเคิ่ล โอเว่น สำหรับตัวเขานี้นั้นคงไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นโดยเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้วคงไม่คิดว่าจะเห็นภาพของ Michael Owen ยอดกองหน้าทีมชาติอังกฤษผู้เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของลิเวอร์พูล สวมเสื้อชูผ้าพันคอทำประตูคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก กับทีมคู่ปรับตลอดกาลอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดโดยแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแต่มันก็เกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2009
โดยเชื่อได้ว่านี่เป็นหนึ่งในความเศร้าที่ตัวของ Michael Owen ได้ฝากรอยแผลไว้ในใจของสาวก เดอะค็อป โดยบอกนี่เป็นการตัดสินใจที่หักหาญแฟนบอลเกินไป และยังมีคำถามติดในใจแฟนบอลมากมายอาทิเช่นเหตุใดโอเว่นจึงยอมฉีกกฎประเพณีในทุกๆ ข้อเพื่อย้ายไปอยู่กับทีมคู่ปรับตลอดกาลและอะไรคือเหตุผลที่เขายอมทิ้งมรดกที่เคยได้รับจาก ลิเวอร์พูล ทั้งหมดเพื่อแลกกับการลิ้มรสชาติที่เรียกว่าแชมป์พรีเมียร์ลีก
ไมเคิ่ล โอเว่น ประวัติของชายคนนี้
โดยสำหรับตัวเขาแล้วนับว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มากด้วยประสบการณ์และประสบการณ์สำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ โดยเขาเติบโตมาจากอแคเดมี่ของลิเวอร์พูลโดยตรงก่อนจะก้าวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1996 ภายใต้สีเสื้อของหงส์แดงโดยโอเว่น ฝากผลงานชิ้นโบแดงไว้กับการระเบิดประตูไปถึง 158 ประตู จากการลงเล่น 297 เกม และเป็นการช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ FA Cup 1 สมัยลีกคัพ 2 สมัยและยูฟ่าคัพ 1 สมัยซึ่งจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในฟอร์มการเล่นที่สุดร้อนแรงในปี 2000 ถึง 2001 ยังส่งให้เขากลายเป็นนักเตะลิเวอร์พูลคนแรกในประวัติศาสตร์ยอดเยี่ยมที่ได้รับรางวัล บัลลงเดร์ อีกด้วย
โดยหลังจาก คว้าบัลลงดอร์ Ballon d’Or ในปี 2013 ปีต่อมาจู่ๆ ในตัวของเขาเองที่เหลือสัญญากับทีมมีแค่ปีกว่าๆ ก็ตัดสินใจพบกับผู้บริหารเพื่อขอย้ายไปอยู่ Real Madrid ด้วยค่าตัวที่น้อยนิดเพียงแค่ 8 ล้านปอนด์เท่านั้น ซึ่งหลายปีต่อมาโอเว่นให้สัมภาษณ์แบบย้อนแย้งว่าในฐานะนักเตะลูกหม้อคนหนึ่งเขาไม่เคยอยากจากลิเวอร์พูลไปไหน
ซึ่งการก้าวเท้าออกจากสโมสรไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ถ้าจะให้ทิ้งโอกาสในการเติบโตบนเส้นทางอาชีพก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน แต่แล้วสิ่งที่หลายคนพยายามจะเตือน Michael Owen ก็เกิดขึ้นจริงเพราะเมื่อย้ายไปอยู่กับทีมซูเปอร์สตาร์อย่าง Real Madrid กลับเจอปัญหาของรัศมีเหล่าซูเปอร์สตาร์กลบมิดชนิดแจ้งเกิดไม่ได้เลย จนตัวเขาเองรู้ทันทีว่าไม่ใช่ที่ของเขาแล้วมองหาทางกลับเวทีพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ซึ่งการกลับมาเขาก็ได้ไปอยู่ที่นิวคาสเซิล สโมสรที่เดินเกมเร็วเข้าร่วมวงประมูลพร้อมยื่นเงิน 17 ล้านปอนด์ให้ เรอัล มาดริด พิจารณาทันที ส่วนทางหงส์แดงก็ไม่อยากเสียค่าโง่แล้วไม่อยากขาดทุนเพื่อดึงโอเว่นกลับมาสุดท้ายจึงยอมปล่อยไปให้กลายเป็นขวัญใจของสาวกของทางฟากฝั่งทูนอาร์มี่แทน
ในจังหวะที่ Michael Owen มาอยู่กับนิวคาสเซิลได้ 4 ปีก่อนที่ทีมจะมีอันตกชั้นในฤดูกาล 2008-2009 นับเป็นจังหวะที่โอเว่นหมดสัญญากับทีมพอดีจึงได้รับความสนใจอีกหลายทีมในพรีเมียร์ลีกแต่ก็เซอร์ไพรส์เมื่อมีชื่อของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดโผล่มาด้วยโดยทุกคนรู้ดีว่าโอเว่นอยากกลับไปลิเวอร์พูลขนาดไหนแต่ด้วยวัย 30 และกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงท้ายของอาชีพบวกกับ Liverpool กำลังหลงใหลได้ปลื้มกับศูนย์หน้าที่มีฟอร์มฮอทร้อนแรงคนใหม่อย่าง Fernando Torres
และแน่นอนว่าไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะดึงตัว Michael Owen กลับมา และเมื่อรู้ว่าลิเวอร์พูลไม่มีที่ว่างให้เขาอีกต่อไปแล้วเขาจึงเหลือตัวเลือกไม่มากนัก แต่ก็ต้องยอมแลกทุกอย่างเพื่อรักษาโอกาสที่จะเล่นในฟุตบอลระดับสูงต่อไปในสุดท้ายแล้วเขาจึงตัดสินใจเลือกในจุดที่ดีที่สุดของชีวิตนั่นก็คือ Manchester United นั่นเองโดยเขาบอกว่าเมื่อเส้นทางของผมที่ Newcastle มีอันจบลงเขาก็จะสามารถเซ็นสัญญากับทีมไหนก็ได้
ซึ่งเขาบอกว่าในครั้งนั้นได้มีการติดต่อถามไปถึงลิเวอร์พูลว่าต้องการให้ตัวเขาเองกลับไปบ้างหรือไม่ แต่ทางนั้นก็มีซูเปอร์สตาร์อย่าง Fernando Torres อยู่เป็นที่เรียบร้อยจนทำให้เขาผิดหวังและคิดว่าการกลับไปเล่นให้ลิเวอร์พูลนั้นคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นถ้าหากอยากจะเล่นในลีกสูงสุดเขาจะต้องเลือก Manchester United เท่านั้นโดยนั่นเป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจ
ไมเคิ่ล โอเว่น กับวันที่ย้ายมาอยู่ใน Manchester United
ตลอดการค้าแข้งในถิ่น Old Trafford โอเว่นได้สวมเสื้อ หมายเลข 7 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเบอร์ตำนานของทางด้านฟ้าฝั่งของยูไนเต็ดแต่ ตัวโอเว่น เองดันทำสิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องการมาตลอด 2 ทศวรรษได้สำเร็จนั่นก็คือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกนั่นเองซึ่งในหลายปีต่อมาโอเว่นรู้ดีว่าในสายตาของเหล่า เดอะค็อป เขากลายเป็น พวกทรยศและไร้ซึ่งความภักดีแม้แต่น้อย
โดยบ่อยครั้งเขานั้นยังพยายามจะให้สัมภาษณ์ว่าไม่ว่าใครจะคิดอย่างไรก็ปล่อยให้เขาคิดไป แต่การย้ายทีมไม่ต่างกับการย้ายที่ทำงานและที่สำคัญสิ่งที่เขาทำลงไปก็เพื่อการเล่นฟุตบอลของตัวเขาเอง ซึ่งสำหรับบทสัมภาษณ์ของเขานั้นก็คือฟุตบอลนั้นจะเป็นงานอย่างหนึ่งที่มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่งตลอดจนยังเป็นงานที่มีสิทธิพิเศษ ที่สามารถที่จะเปลี่ยนงานได้เรื่อยๆ เพื่อพัฒนาตัวเองอย่างมืออาชีพและเพื่อดูแลครอบครัวของเขา
โดยหลังจากแขวนสตั๊ด ต่อมาในปี 2016 Liverpool ก็สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนบอลตัวเองด้วยการแต่งตั้งคนที่หักอกพวกเขาอย่าง Michael Owen ให้เข้ามารับตำแหน่งทูต นานาชาติของสโมสร ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของเหล่าสาวก เดอะค็อป ที่ไม่เห็นด้วยกับสโมสรและมองว่าโอเว่นไม่ใช่ตำนานของพวกเขาแต่เป็นตำนานของฟากฝั่งอื่นมากกว่า ซึ่งเชื่อไหมว่าแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแต่แฟนของ ลิเวอร์พูล ก็ยังคงแค้นฝังหุ่นและดูท่าทีว่าจะไม่มีวันยกโทษให้ Michael Owen อีกเลย