Steven Gerrard ชายที่เห็นสโมสรดีกว่าประโยชน์ของตน
หากจะกล่าวถึงนักเตะที่อยู่ภายในดวงใจของบรรดาเหล่าแฟนบอลทั้งหลาย เชื่อว่าหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ Steven Gerrard รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เนื่องจากเขาคือนักเตะที่มีความสามารถโดดเด่นสุดๆ ชนิดหาตัวจับยากเลยทีเดียว ดังนั้นไม่ว่าจะลงแข่งขันในรายการไหนก็ตาม ล้วนแล้วแต่ถูกให้ความสนใจทั้งนั้นเลย จึงเป็นเรื่องธรรมดาหากในช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” จะอยู่ท่ามกลางกระแสอันร้อนแรงมาโดยตลอด ต่อให้ปัจจุบันเขาจะผันตัวไปทำหน้าที่อื่นๆ แล้ว แต่แฟนๆ ต่างก็ยังคงให้การสนับสนุนเสมอมา
Steven Gerrard ณ แอนฟิลด์
ก่อนอื่นต้องยอมรับเลยว่า “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” คือนักเตะที่ถูกจดจำเป็นประวัติศาสตร์แห่งวงการฟุตบอล เพราะเขามีความเก่งกาจจริงๆ จนมีฐานแฟนบอลให้การติดตามเชียร์จากทั่วโลก โดยเจ้าตัวเริ่มต้นเส้นทางภายในวงการฟุตบอล ด้วยการเข้าร่วมกับทีมลิเวอร์พูล ในฐานะของนักเตะเยาวชน เมื่อปี 1987 แน่นอนว่าเขามีการพัฒนาตัวเองแบบก้าวกระโดดจนถูกเลื่อนขึ้นมาเล่นชุดหลักในปี 1998 โดยระหว่างปี 1998 – 2015 ลงสนามแข่งขันไปทั้งหมด 504 นัดด้วยกัน ซึ่งสามารถช่วยทีมทำแต้มไปกว่า 120 ประตู
“สตีเว่น เจอร์ราร์ด” เป็นนักเตะอีกคนที่แฟนบอลของทีมลิเวอร์พูลชื่นชอบกันมากๆ โดยเขาไม่เพียงแค่มีความสามารถโดดเด่นเท่านั้น แต่ถูกยกว่าเป็นคนที่มีความภักดีต่อสโมสรด้วยเช่นกัน เห็นประโยชน์ของ “ทีม” สำคัญกว่าประโยชน์ของ “ตัวเอง” ซึ่งครั้งหนึ่งนักเตะรายดังกล่าวเคยเกือบย้ายไปซบทีมเชลซี ที่กำลังเป็นคู่ปรับสำคัญในขณะนั้น จนกระแสข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วทั้งวงการฟุตบอลเลยทีเดียว แต่ปรากฏว่าในเวลาต่อมา “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” มีการยืนยันที่จะอยู่ร่วมกับทีมลิเวอร์พูลต่อไป กระทั่งประเด็นนี้ถูกเปิดเผยออกมาว่าจริงๆ แล้ว เขาไม่มีความคิดย้ายทีมตั้งแต่แรก เพียงแค่ต้องการกดดันให้ทางสโมสรทำอะไรสักอย่าง เพื่อนำพาทีมลิเวอร์พูลออกไปจากสถานการณ์อันย่ำแย่
บทบาทและหน้าที่ใหม่ของเขา
การกระทำดังกล่าวของ “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” กลายเป็นประเด็นพูดถึงไปทั่ววงการฟุตบอล หลายๆ คนจึงหลงรักในตัวเขายิ่งกว่าเดิมเสียอีก เนื่องจากเขามองข้ามผลประโยชน์ส่วนตัว โดยหากเขาตัดสินใจโยกย้ายทีมในขณะนั้น คงจะได้ผลประโยชน์มหาศาลเลยด้วยซ้ำไป แต่เขากลับแสดงจุดยืนในการนำพาทีมลิเวอร์พูลออกไปจากสถานการณ์สุดย่ำแย่ ล่าสุดจึงถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งตำนานนักเตะของทีมลิเวอร์พูลไปเรียบร้อยแล้ว